Hangzhou Hikvision Digital Technology Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2001 จดทะเบียนอย่างเป็นทางการในขนาดกลางและขนาดองค์กรคณะกรรมการ (SME Board) ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 28 พฤษภาคม 2010 ในปัจจุบัน Hikvision มีมูลค่าทางการตลาดกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงานกว่า 18,000 คน (90% ของพนักงานเป็นประชากรในท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสร้างงานของ HIKVISION) มีบริษัทในเครื่อกว่า 40 บริษัทย่อยทั่วโลก
เป็นผู้ผลิตกล้องกล้องวงจรปิดชั้นนำของโลก มีทีมงานวิศวกรวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) มากกว่า 7,000 คน ในช่วงระยะเวลากว่าสิบปี HIKVISION มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจสูงที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานการนำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา “UL” Underwriters Laboratories ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกให้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สูงเท่านัั้น และยังได้รับมาตรฐานสากล อาทิ CE, FCC และ RoHS
มีส่วนแบ่งทางการตลาดคิดเป็น 19.5% ของส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมการเฝ้าระวังทั่วโลกในปี 2015 (เพิ่มขึ้นจาก 4.6% ในปี 2010) และได้รับการจัดอันดับผู้นำส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั่วโลกสำหรับอุปกรณ์เฝ้าระวังถึงห้าปีติดต่อกัน
HIKVISION Corporate Video
ในปี 2015-2016 มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก (ขึ้นมาจากอันดับ 2 เมื่อปี 2014-2015) ด้วยยอดขายในปี 2015-2016 กว่า 3,522.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 123,287 ล้านบาท) มีเปอร์เซนต์การเติบโตสูงถึง 43.6% (*ที่มาจากการจัดอันดับ 2015 Top Security 50 ) ทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าที่ได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วมุมโลก เนื่องจากคุณภาพของสินค้าสูงประกอบกับราคาที่สมเหตุผล จึงได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้ามากมายจากทุกมุมโลก
Headquarters |
Hikvision Spain |
Hikvision USA |
Hikvision Europe |
Hikvision France |
Hikvision Russia |
Hikvision Italy |
Hikvision Oceania |
Hikvision Middle East |
Hikvision Singapore |
Hikvision Hong Kong |
Hikvision India |
ได้ร่วมพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีภาพกับบริษัท Texas Instruments ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป IC ชั้นนำของโลกทางด้านดิจิตอลมัลติมีเดีย DMSoC : TI DaVinci ผสานกับเทคโนโลยีการบีบอัดภาพ H.264 ซึ่ง HIKVISION เป็น ผู้นำทางด้านเทคโนโลยนี้ ทำให้กล้อง Network Camera ของ HIKVISION มีจุดเด่นในเรื่อง ความคมชัดของภาพสูง และรองรับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเน็ตเวิร์คได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น
Hikvision Smart City Solution
เหตุผลที่ทำให้กล้อง Network Camera ของ HIKVISION ได้รับการยอมรับอย่างสูงในขณะนี้
ได้ลงทุนพัฒนาวิจัยกล้อง IP Camera ทั้ง Hardware และ Software ด้วยทีมวิศวกรจำนวนถึง 7,181 คน โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีดังนี้
1.) การพัฒนา IMAGE SIGNAL PROCESSING (ISP) Technology เกี่ยวกับฟังก์ชั่น การทำงาน อาทิ Automatic Exposure, Automatic White Balance, Auto Focus, Colour Direction และ Gamma Direction ทำให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกสภาวะแวดล้อม ทั้งภายใน และนอกอาคาร
2.) Audio / Video Encoding & Decoding Technology HIKVISION เป็นผู้นำในการ พัฒนาการบีบอัดภาพแบบ H.264 ทำให้สามารถปรับปรุงพัฒนาการส่งภาพผ่านเครือข่าย เน็ตเวิร์คได้รวดเร็วและใช้แบนด์วิธน้อยกว่าผู้ผลิตรายอื่น
3.) Advance Hard Drive Management Technology มีระบบตรวจสอบการทำงาน ของฮาร์ดดิสก์ เช่น การเตือนเมื่อฮาร์ดดิสก์ชำรุด ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ชำรุด สามารถทำการ ดึงข้อมูลส่วนที่เหลือออกมาได้ ด้วยระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบ FAT32 ซึ่งเป็นระบบเดียว กับ Windows และรองรับเกี่ยวกับการจัดการระบบ Storage ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับ การขยายตัวของกล้อง Network Camera ในอนาคต
4.) ASIC Technology (Application-specific integrated circuit) ด้วยการลงทุนทาง ด้านการวิจัยทำให้ HIKVISION สามารถออกแบบ Video / Audio Processing Technology ที่สลับซับซ้อนใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ลงในชิป IC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การแสดงภาพ มีความคมชัดและต่อเนื่อง
องค์กรระดับโลกที่ให้ความมั่นใจใช้ IP Camera / CCTV ของ HIKVISION
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|